ประวัติเครื่องดนตรีสากล
ดนตรีก่อเกิด เพราะการได้ยินเสียงจากธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมรอบตัวของมนุษย์ มีการรับรู้ เลียนแบบ ศึกษาจังหวะ
ระดับเสียงความดัง-เบา ความกลมกลืนและแตกต่างของเสียงแต่ละประเภท จากใกล้ตัวที่สุดคือชีพจรการเต้นของหัวใจ
การเคลื่อนไหวร่างกายไปถึงเสียงจากธรรมชาติและ สัตว์นานาแตกต่างของเสียงแต่ละประเภทจากใกล้ตัวที่สุดคือชีพจรการ
เต้นของหัวใจ การเคลื่อนไหวร่างกายไปถึงเสียงจากธรรมชาติและสัตว์นานาดนตรีสากลหรือดนตรีตะวันตกมีพื้นฐานจากความมุ่งหวัง
ไปสู่ชีวิตที่ดีกว่าจากหลักปรัชญากรีกโบราณในราวช่วงปี 800 ก่อนคริสตกาลที่เน้นความสำคัญของการสร้างร่างกายให้แข็งแรงด้วย
การเล่นกีฬา และงดงามของจิตใจด้วยศิลปะบทกวี ดนตรี การละครและ ระบำรำฟ้อน เพื่อสร้างสรรค์ให้มนุษย์สมบูรณ์ ปี 585-479
ก่อนคริสตกาล ชาวกรีกชื่อ ปิธากอรัส คิดค้นทฤษฎีการเกิดเสียงขึ้นจากการคำนวณรอบการสั่นสะเทือน ของสายเสียง
ได้ข้อสรุปว่า "ถ้าสายสั้นกว่าจะได้เสียงที่ สูงกว่า ถ้าสายยาวกว่าจะได้เสียงที่ ต่ำกว่า " วิชาความรู้ และ แนวคิดนี้กระจายแพร่หลาย
ชื่อเสียงของ ปิธากอรัสเลื่องลือทั่วยุโรป
ประเภทของวงดนตรีสากล
ประเภทของวงดนตรีสากล แบ่งได้เป็น 8 ประเภทใหญ่ ๆ ดังนี้
1.วงแชมเบอร์มิวสิค (Chamber Music)
หมายถึงวงดนตรีประเภทบรรเลงด้วยเครื่องดนตรีที่เหมาะสำหรับแสดงภายในห้องโถง หรือสถานที่ที่จุผู้ฟังได้เพียง
จำนวนน้อยในสมัยแรกเล่นกันในห้องโถงตามราชสำนักหรือ คฤหาสถ์ของขุนนางในยุโรป และนักดนตรีเล่นกันเอง
ในหมู่เพื่อนฝูงต่อมาคนเริ่มสนใจมากขึ้น ทำให้สถานที่คับแคบ จึงเลื่อนไปเล่นในห้องโถงใหญ่ และ ในConcert Hall
ซึ่งจัดไว้เพื่อการแสดงดนตรีโดยเฉพาะวงแชมเบอร์มิวสิค เน้นความสำคัญของนักดนตรีทุกคนเท่าๆกัน โดยปกติจะมี
นักดนตรี 29 คนและ เรียกชื่อต่างๆกัน ตามจำนวนของผู้บรรเลงดังนี้
จำนวนผู้บรรเลง 2 คน เรียกว่า ดูโอ (Duo)
จำนวนผู้บรรเลง 3 คน เรียกว่า ทรีโอ (Trio)
จำนวนผู้บรรเลง 4 คน เรียกว่า ควอเตท (Quartet)
จำนวนผู้บรรเลง 5 คน เรียกว่า ควินเตท (Quintet)
จำนวนผู้บรรเลง 6 คน เรียกว่า เซกซ์เตท (Sextet)
จำนวนผู้บรรเลง 7 คน เรียกว่า เซปเตท (Septet)
จำนวนผู้บรรเลง 8 คน เรียกว่า ออกเตท (Octet)
จำนวนผู้บรรเลง 9 คน เรียกว่า โนเนท (Nonet)
การเรียกชื่อ จะต้องบอกชนิดของเครื่องดนตรี และ จำนวนของผู้เล่นเสมอ เช่น
วงสตริงทรีโอ (String Trio) มี ไวโอลิน 1 คัน วิโอลา 1 คัน และ เชลโล 1 คัน
วงสตริงควอเตท (String Quartet) มี ไวโอลิน 2 คัน วิโอลา 1 คัน และ เชลโล 1 คัน
วงสตริงควินเตท (String Quintet) มี ไวโอลิน 2 คัน วิโอลา 1 คัน เชลโล 1 คัน และ ดับเบิลเบส 1 คัน
วูดวินควินเตท (Wood -Wind Quintet) ประกอบด้วย เครื่องดนตรีประเภทเครื่องลมไม้ 5 คน
ได้แก่ ฟลุ๊ต ปี่โอโบ คลาริเน็ต บาสซูน และ เฟรนซ์ฮอร์น
วงแชมเบอร์มิวสิคยังไม่จำกัดประเภทของเครื่องดนตรี แต่ ตระกูลไวโอลินจะเหมาะที่สุด
เพราะเสียงของเครื่องดนตรีตระกูลนี้กลมกลืนกัน
ในดินแดนแถบลุ่มแม่น้ำไรน์ และได้รับการปรับปรุงอีกครั้งในสมัยของไฮเดินและก็เจริญมาเป็นลำดับ
( *สำหรับปัจจุบันแล้ว วงแชมเบอร์มิวสิคยังคงได้รับความที่นิยมนำไปใช้บรรเลงในงานฉลองมงคลสมรสอีกด้วย* )
ถ้าการบรรเลงของแชมเบอร์มิวสิคเกิน 9 คน แต่ไม่ถึง 20 คน เรียก อังซังเบลอ (ensemble)
เช่น วินด์อังซังเบลอกับดับเบิ้ลเบส ของ โมสาร์ท เป็น Serenade สำหรับเครื่องลม Bแฟลต
2.วงซิมโฟนี ออร์เคสตร้า (Symphony Orchestra)
วงประเภทนี้มีขนาดใหญ่ ประกอบด้วย เครื่องดนตรีครบทุกกลุ่ม ขนาดของวงมีขนาดเล็ก 40-60 คน
ขนาดกลาง 60-80 คน และ วงใหญ่ 80-110 คน หรือ มากกว่านั้น ขนาดของวงจะใหญ่หรือเล็กขึ้นอยู่
กับเครื่องสายเป็นหลัก และ ผู้เล่นต้องมีฝีมือดี รวมถึงวาทยากร (conductor) ก็ต้องมีความสามารถอย่างยอดเยี่ยม
ถ้าใช้เฉพาะเครื่องสายของวง Symphony Orchestra ก็เรียกว่า String Orchestra
3.วงป๊อปปูลามิวสิค (Popular Music) หรือ วงดนตรีลีลาศ
ใช้บรรเลงตามงานรื่นเริงทั่วไปประกอบด้วย เครื่องดนตรีีกลุ่มแซกโซโฟน, กลุ่มเครื่องทองเหลือง
และกลุ่มเครื่องประกอบจังหวะ
วงป๊อปปูลามิวสิค ส่วนใหญ่มี 3 ขนาด
1.วงขนาดเล็ก (วง 4x4) มีเครื่องดนตรี 12 ชิ้น ดังนี้
กลุ่มแซ็ก ประกอบด้วย อัลโตแซ็ก 1 คัน เทเนอร์แซ็ก 2 คันบาริโทน แซ็ก 1 คัน
กลุ่มทองเหลือง ประกอบด้วย ทรัมเป็ต 3 คัน ทรอมโบน 1 คัน
กลุ่มจังหวะ ประกอบด้วย เปียโน 1 หลัง กีตาร์คอร์ด 1 ตัว เบส 1 ตัว กลองชุด 1 ชุด
( วง 4 x 4 หมายถึง ชุดแซก 4 ชุด ทองเหลือง 4 ชุดตามลำดับ ส่วนเครื่องประกอบจังหวะ 4
ละไว้ในฐานที่เข้าใจ)
2.วงขนาดกลาง (5x5) มีเครื่องดนตรี 14 ชิ้น คือ เพิ่มอัลโตแซ็ก และ ทรอมโบน
3.วงขนาดใหญ่ (Big Band )(5 x 7) มี 16 ชิ้น เพิ่ม ทรัมเป็ต และ ทรอมโบนอย่างละตัว
.ในปัจจุบันใช้กีตาร์เบสแทนดับเบิ้ลเบส และ บางทีก็ใช้ออร์แกนแทนเปียโนคะ
วงดนตรีบิ๊กแบนด์ (BINGBAND)
4.วงคอมโบ (Combo band) หรือ สตริงคอมโบ
เป็นวงที่เอาเครื่องดนตรีบางส่วนมาจาก Popular Music อีกทั้งลักษณะของเพลงและสไตล์การเล่นก็เหมือนกัน
จำนวนเครื่องดนตรีส่วนมากอยู่ระหว่างประมาณ 3 –10 ชิ้น เครื่องดนตรีจะมี พวกริทึม(Rhythm) และ พวกเครื่อง
เป่า ทั้งลมไม้ และ เครื่องทองเหลือง เครื่องดนตรีที่ใช้เป็นหลักคือ กลองชุด เบส เปียโน หรือ มีเครื่องเป่า
ผสมด้วยจะเป็นเครื่องลมไม้หรือทองเหลืองก็ได้ไม่จำกัดจำนวน แต่รวมแล้วต้องไม่เหมือนกับวงป๊อปปูลามิวสิค
วงคอมโบก็เป็นสมอลล์แบนด์ (small Band)แบบหนึ่ง ดังนั้นวงนี้จึงเป็นวงที่มีขนาดไม่ใหญ่นักจึงเหมาะสำหรับ
เล่นตามงานรื่นเริงทั่วๆไปนอกจากนั้นยังเหมาะสำหรับเพลงประเภทไลท์มิวสิคอีกด้วยเพลงไทยสากลและเพลง
สากลในปัจจุบันที่ใช้วงคอมโบเล่นตามห้องอาหารหรืองานสังสรรค์ต่างๆ
ประกอบด้วยเครื่องดนตรี ดังต่อไปนื้
1.แซ็กโซโฟน 2ทรัมเป็ต 3 ทรอมโบน 4 เปียโ นหรือออร์แกน 5 กีตาร์คอร์ด 6 กีตาร์เบส
5. วงชาร์โด (Shadow)
เป็นวงดนตรีขนาดเล็กเริ่มก่อตั้งเมื่อประมาณ 20 ปีมานี่เอง ในอเมริกาวงดนตรีประเภทนี้ที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือ
คณะTheBeattleหรือสี่เต่าทองเครื่องดนตรี
ในสมัยแรก มี4ชิ้น คือ1. กีตาร์เมโลดี้(หรือกีตาร์โซโล) 2. กีตาร์คอร์ด 3. กีตาร์เบส 4. กลองชุด
วงชาโดว์ในระยะหลังได้นำออร์แกนและพวกเครื่องเป่าเช่นแซกโซโฟน ทรัมเป็ตทรอมโบนเข้ามาผสม
และบางทีอาจมีไวโอลินผสมด้วยเพลงของพวกนี้ส่วนใหญ่จะเร่าร้อน ซึ่งได้รับความนิยมมากในหมู่วัยรุ่น
โดยเฉพาะเพลงประเภท อันเดอร์กราว
6. วงแจ๊ส (Jazz)
แบบของแจ๊สที่ควรรู้จักBlues Jazz เพลงบลูส์
เกิดขึ้นที่นิวออร์ลีนแถบปากแม่น้ำมิสซิสซิปปี แต่สมัยแรกๆไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร ต่อมาพ.ศ. 2467ได้มีการอัดแผ่นเสียง
จำหน่าย จึงแพร่หลายได้รวดเร็วขึ้น รวมทั้งดนตรีได้มีโอกาสไปแสดงตามที่ต่างๆในสมัยแรกๆเพลงบลูส์ใช้กีตาร์เล่นนำและคลอ
เสียงร้องเล่นกันตามข้างถนน ตามย่านชุมชน คนผ่านไปมาก็ให้เงินบ้างไม่ให้บ้าง เนื้อร้องร้องไปคิดไป ไม่มีการเตรียม
ไว้ล่วงหน้ามาก่อน ดังนั้นร้องกี่ครั้งก็ไม่เหมือนกัน นึกจะจบก็จบเอาดื้อๆคล้ายกับเพลงฉ่อยของประเทศไทย เพลงบลูส์ได้รับอิทธิพล
จากศาสนามากดังนั้นเนื้อร้องก็มีเกี่ยวกับเรื่องศาสนาเข้ามาปนอยู่ด้วย ต่อมาเพลงบลูส์ได้เจริญขึ้นก็นำไปเล่นกับวงแจ๊๊สก็กลายเป็น
บลูส์์แจ๊๊สเพลงประเภทนี้ส่วนมากจังหวะช้าๆ ครั้งแรกที่ไม่ค่อยนิยมเพลงบลูส์เนื่องจากโน้ตค่อนข้างยาก
ต่อมาอาร์มาสตรองนำมาเล่นในปี พ.ศ. 2472 จึงเป็นแรงหนึ่งที่ทำให้รับความนิยม
New orlean and dixieland style ทั้ง 2 แบบเหมือนกันมากจนแทบจะแยกกันไม่ออก เริ่มขึ้นในปลายศตวรรษที่ 19
และมาแพร่หลายในปพ.ศ 2473 ต่อมาอาร์มาสตรองนำมาเล่นในปี พ.ศ. 2472
ต่อมามีทรอมโบนและคลาริเ็น็ท เบนโจ กีตาร์ ทูบา กลอง เปียโน แซ็กโซโฟน ปัจจุบันใช้เบสแทนทูบา
นิยมให้ทรัมเป็ตเป็นตัวนำก่อนแล้วจึงเล่นพร้อมกันทั้งวงและเล่นกันเฉพาะทำนอง เพราะยังไม่มีใครรู้จัก
Adlibกันเท่าไหร่ กลองก็เล่นจังหวะธรรมดา
Modern Style โฉมหน้าของแจ๊๊สได้เปลี่ยนไปมากเมื่อหลุยส์ อาร์มสตรองได้คิดวิธีเล่นใหม่ คือ
มีทำนองหลักแล้วผลัดกันเล่นทีละคน
แต่ละคน Adlib กันอย่างสนุกสนานและเล่นค่อนข้างเร็วมาก บางทีก็เล่นพร้อมๆ กัน ฟังดูเหมือนต่างคนต่างเล่น
แต่อยู่ในกรอบอันเดียวกัน Bop Style ผู้ที่คิดขึ้น คือ The lonious Monk กับ Dizzy gillespie
โดยเอาแบบของยุโรปมาผสมมีการเปลี่ยนแปลงทำนองและจังหวะ ใช้คอร์ดเป็นหลัก เล่นเร็วมาก ผลัดกันเล่นทีละชิ้น
จังหวะของแจ๊๊สในยุคหลังก็ได้เกิดขึ้นใหม่ๆ
Swing
แบบนี้กู๊ดแมน เป็นผู้ให้กำเนิดจังหวะนี้ เมื่อก่อนกู๊ดแมนเล่นคลาริเน็ทกับพวกผิวดำ
ต่อมาได้แยกออกมาเล่นกับพวกผิวขาวด้วยกัน
และเขาได้แต่งเพลงใหม่ขึ้น และได้ให้ชื่อเพลงใหม่นี้ว่า Swing
Rock n’ Roll ก็แตกแขนงจาก แจ๊๊ส เมื่อราวพ.ศ.2493 ได้รับความนิยมสูงสุดในหมู่วัยรุ่นและแพร่หลายอย่างรวดเร็วในอเมริกา
ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นราชาเพลงร๊อคก็คือ เอลวิส เพรสลี่ (เสียชีวิตเมื่อ ส.ค. 2520)
เพลงแจ๊๊สที่เราคุ้นๆหูก็คือเพลง When the saints to marching in เพลงนี้เป็นเพลงที่เก่าแก่มาก ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้แต่ง
เป็นเพลงแจ๊สที่มีชื่อเสียงมาก ในการแสดงดนตรีแจ๊๊สทุกครั้งมักมีเพลงนี้เล่นด้วยเสมอ ตอนแรกเป็นเพลงสวดต่อมาเล่นแบบมาร์ช
และในที่สุด ก็เล่นแบบ New orleans
อาร์มสตรองเล่นเพลงนี้ได้ดีที่สุดเมื่อ พ.ศ. 2481 เครื่องดนตรีแจ๊๊ส ที่นิยมเล่นกันมีดังนี้คือ 1.คลาริเน็ท
2. แซ็กโซโฟน (โซปราโน,อัลโต,เทเนอร์) 3. คอร์เน็ต 4.ทรัมเป็ต 5.ทรอมโบน 6.เบนโจ 7.เปียโน8. กีตาร์ 9.เบส 10.กลองชุด
ปัจจุบันแจ๊๊สได้เล่นอย่างมีแบบแผน มีการเรียบเรียงเสียงประสานสำหรับวงดนตรี เครื่องดนตรีที่ใช้เล่นมีการกำหนดแน่นอน
ซึ่งใช้แบบของวงดนตรีปอปปูลามิวสิค
7. วงโยธวาทิต ( Military Band )
ประกอบด้วยเครื่องเป่าครบทุกกลุ่ม คือ เครื่องลมไม้ เครื่องทองเหลืองและกลุ่มเครื่องกระทบ ได้แก่
เครื่องดนตรีที่ให้จังหวะทั้งหลาย วงโยธวาทิตมีมาตั้งแต่สมัยโรมันใช้บรรเลงเพลงเดินแถวเพื่อปลุกใจทหาร
ในสมัยสงครามครูเสด ได้ซบเซาไปพักหนึ่ง และเจริญอีกในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14ต่อมาในสมัยของนโปเลียน
ได้ปรับปรุงให้มีเครื่องดนตรีอีกหลายชนิดเช่น พวกขลุ่ยผิว พวกปี่และแตรและต่อมาก็เป็นต้นแบบของวงโยธวาทิต
ในราวกลางศตวรรษที่ 19 เมื่ออดอลฟ์แซกซ์ นักประดิษฐ์ชาวเบลเยี่ยมได้ประดิษฐ์แซกโซโฟนและแตรต่างๆ
ในตระกูลแซกฮอร์น จึงได้นำมาไว้กับวงโยธวาทิตด้วย
จึงสมบูรณ์ดังได้กล่าวมาแล้ว ปัจจุบันวงโยธวาทิตมาตรฐานของอังกฤษใช้เครื่องดนตรี 56 ชิ้น
.8.แตรวง (Brass Band )
คือวงที่ประกอบด้วยเครื่องดนตรีประเภทเครื่องทองเหลืองและเครื่องกระทบ แตรวงเหมาะสำหรับใช้บรรเลงกลางแจ้ง
การแห่ต่างๆ เช่น ในประเทศไทยใช้แห่นาค แห่เทียนพรรษา เป็นต้นแตรวงมาตรฐานของอังกฤษใช้เครื่องดนตรี 26 ชิ้น