เพลงหน้าพาทย์ที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้เป็นเพลงหน้าพาทย์ที่เรียกกันว่า “หน้าพาทย์ สูง” หรือ “หน้าพาทย์ใหญ่”คือ มีความศักดิ์สิทธิ์มาก คนที่ครอบโขนละครแล้ว เมื่อได้ยินเสียงเพลงหน้าพาทย์เหล่านี้จะต้องยกมือขึ้นไหว้เพื่อระลึกถึงครูบาอาจารย์ ที่ได้สั่งสอนอบรมมาผู้รําเพลงหน้าพาทย์เหล่านี้ต้องใช้สมาธิเป็นพิเศษ และดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่า เพลงหน้าพาทย์สูงเหล่านี้อาจสืบเนื่องมาจากพิธีที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ในศาสนาฮินดู การต่อท่ารําของเพลงหน้าพาทย์สูงตั้งแต่เพลงบาทสกุณี เพลงเสมอมาร เพลงเสมอเถร และเพลงอื่นๆ ถ้าผู้ที่ฝึกโขนละครมีความรู้ยังไม่พอ หรือครูผู้สอนสังเกตว่า ยังมีความบกพร่องอย่างใดอย่างหนึ่งก็จะไม่ต่อเพลงหน้าพาทย์เหล่านี้ให้ และเมื่อยังรําเพลงหน้าพาทย์สูงเหล่านี้ไม่ได้ก็ไม่สามารถที่จะแสดงบทที่สําคัญในเรื่องได้ การต่อท่านั้นต้องต่อให้ได้จริงๆ อย่างที่เรียกกันว่า “เข้าตัว” คือ เรียกให้รําเมื่อไหร่ก็ได้โดยไม่ผิดพลาดและการแสดงโขนในสมัยโบราณนั้น การจะเรียกให้รําหน้าพาทย์อย่างใดมิได้ขึ้นอยู่แก่ตัวผู้รําแต่ขึ้นอยู่กับคนพากย์โขน ซึ่งเมื่อพากย์จบแล้วจะเรียกให้ตัวแสดงรําหน้าพาทย์สูงต่ำอย่างไรก็ได้ เมื่อคนพากย์เรียกหน้าพาทย์ขึ้นมาแล้วก็เป็นที่ข้าใจกันว่าคนรํานั้น จะต้องรําได้เป็นหน้าที่ของคนพากย์จะต้องรู้ว่าคนรํานั้น มีวิชาความรู้ในทางนาฏศิลป์สูงต่ำเพียงไร
หน้าพาทย์ชั้นสูง ใช้บรรเลงประกอบกิริยา อารมณ์ของตัวละครผู้สูงศักดิ์หรือเทพเจ้าต่างๆ เป็นเพลงหน้าพาทย์ประเภทบังคับความยาว ผู้รำจะต้องยืดทำนองและจังหวะของเพลงเป็นหลักสำคัญ จะตัดให้สั้นหรือเติมให้ยาวตามใจชอบไม่ได้ โดยมากใช้กับการแสดงโขน ละคร และใช้ในพิธีไหว้ครู ครอบครูดนตรีปละนาฎศิลป์ เช่น เพลงตระนอน เพลงกระบองกัน เพลงตระบรรทมสินธุ์ เพลงบาทสกุณี เพลงองค์พระพิราพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพลงอนงค์พระพิราพ ถือกันว่าเป็นเพลงหน้าพาทย์ชั้นสูงสุดในบรรดาเพลงหน้าพาทย์ทั้งหลาย
เสมอตีนนก ใช้สำหรับตัวแสดงที่เป็น ท้าวพระยามหา กษัตริย์ หรือบาทสกุณี แสดงถึงการไป มาด้วยกิริยาสง่างาม เช่น พระราม พระลักษมณ์ อิเหนา เป็นต้น