เพลงแขกมอญ
เพลงแขกมอญ เป็นชื่อเพลงไทย
1. เพลง 2 ชั้น เป็นเพลงเก่าสมัยอยุธยา มี 3 ท่อน ทำนองไพเราะสละสลวย นิยมใช้บรรเลงออกเพลงประจำวันของวงปี่พาทย์มอญ
2. เพลงเถา พระประดิษฐไพเราะ (มี ดุริยางกูร) แต่งจากเพลงแขกมอญ 2 ชั้น ทำนองเก่า โดยแต่งเพลง 3 ชั้น เป็นทางธรรมดาและทางเดี่ยว เพื่อบรรเลงอวดฝีมือของนักดนตรีทางเดียวนี้มีหลายท่านได้แต่งสำหรับเครื่องดนตรีชนิดต่าง ๆ เช่น นายพุ่ม ปาปุยะวาท แต่งเพลงสามชั้นทางเดี่ยวระนาดทุ้ม หลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) นำทำนองของพระประดิษฐไพเราะ (มี ดุริยางกูร) มาเป็นแนว ให้เป็นเพลงที่มีลีลาพลิกแพลงด้วยกลเม็ดเด็ดพรายตามแบบของเพลงเดี่ยวด้วย เครื่องดนตรีอีกหลายชนิด
3. เพลงเถา ใน พ.ศ. 2476 นายมนตรี ตราโมท ได้แต่งตัดเป็นชั้นเดียว และนำทำนอง 2 ชั้นทางธรรมดาของพระประดิษฐไพเราะ (มี ดุริยางกูร) ทำนอง 2 ชั้น ทางเก่ามารวมบรรเลงและขับร้องเป็นเพลงเถา เป็นที่นิยมกันแพร่หลาย
4. เพลงตับมโหรี เรียกว่า ตับแขกมอญ ใช้บทร้องเรื่องกากี บทนิพนธ์ของเจ้าพระยาพระคลัง (หน) เพลงตับชุดนี้ คุณหญิงไพฑูรย์ กิตติวรรณ ได้ขับร้องบันทึกแผ่นเสียงของบริษัทพาโลโฟน ด้วยวงมโหรีวังบางขุนพรหม เมื่อ พ.ศ. 2471 มี 4 เพลง คือ เพลงแขกมอญ เพลงแขกมอญบางช้าง เพลงลมพัดชายเขา เพลงลมหวน และเพลงทยอยมอญ
5. เพลงทางเปลี่ยน ใน พ.ศ.25O8 นายเตือน พาทยกุล ได้นำทำนอง 2 ชั้น มาแต่งเป็นทางเปลี่ยน ให้มีสำเนียงแขกที่มีจังหวะรุกเร้า สนุกสนาน ในท่อนที่ 3 เที่ยวกลับได้เปลี่ยนเป็นสำเนียงมอญ เพื่อให้ตรงกับชื่อเพลงแขกมอญ
บทร้อง
เนื้อที่ 1 เพลงเถา จากเสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน ตอน ขุนแผนขึ้นเรือนขุนช้าง
3 ชั้น
“ครานั้นจึงโฉมเจ้าวันทอง
หลับต้องมนต์มึนยังมืดหน้า
สะดุ้งตื่นฟื้นตัวไม่ลืมตา
ผวากอดขุนแผนนิ่งไม่ติงตัว
จึงตอบว่าเราผู้เรืองฤทธิ์รุทธิ์
นามสมมติว่าสมิงมัตรา
ถิ่นฐานบ้านเมืองเรานี้
อยู่ยังธานีหงสา
แมงตะยะและเม้ยมังตะยา
เป็นบิดามารดาของเรา
อาจารย์เราหรือชื่อสุเมธ
เรืองพระเวทไม่มีใครดีเท่า
ตัวท่านที่ยกมาสู้เรา
คือลูกเต้าเหล่าใคร
อนึ่งพระเจ้าอยุธยา
ตั้งตำแหน่งยศฐาให้เพียงไหน
ชื่อเดิมของท่านนั้นชื่อไร
ท่านผู้ใดเป็นครูอาจารย์”
ส่วนอัตราชั้นเดียว ได้ทรงพระนิพนธ์ขึ้นสำหรับร้องเพลงนี้โดยเฉพาะว่า
“ขับลำบรรเลงเป็นเพลงเถา
เพลงมอญเก่าแสนเสนาะเพราะหนักหนา
แขกมอญบางขุนพรหมมีสมญา
ฉันได้มาแด่วังบางขุนพรหม”
ส่วนทางที่พระยาประสานดุริยศัพท์ (แปลก ประสานศัพท์) สอนให้แก่นักร้องเพื่อใช้ในการบรรเลงของวงปี่พาทย์และเครื่องสาย กรมมหรสพก็ใช้บทในเรื่องขุนช้าง-ขุนแผน แต่เป็นตอนขุนแผนขึ้นเรือนขุนช้าง พระยาเสนาะดุริยางค์ (แช่ม สุนทรวาทิน) ก็สอนศิษย์ให้ร้องไปอีกทางหนึ่งในตอน 3 ชั้น และ 2 ชั้น เป็นบทเสภาเรื่องขุนช้าง-ขุนแผน ตอน พลายงามได้นางศรีมาลา
ส่วนการร้องในอัตราชั้นเดียว ที่ใช้บทเดิมซึ่งเป็นพระนิพนธ์ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต ก็มีผิดเพี้ยนบ้าง คือ
“ชื่อแขกมอญบางขุนพรหมนามสมญา
ฉันได้มาจากวังบางขุนพรหม”
(คำ “ชื่อ” และ “นาม” คือคำที่เพิ่มและผิดไปจากบทพระนิพนธ์)